ไพ่สามใบ

biogaming แนะนำเทคนิคเล่นไพ่ Three Card ยังไงให้รวย

หลายท่านต้องรู้จักเกมส์ไพ่ Three Card อย่างแน่นอนหรือรู้จักกันอีกชื่อคือเกมส์ไพ่ Poker นั่นเองเป็นเกมส์ไพ่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะถ้ารู้เล่นเล่นเป็นและรู้กฏกติกาวิธีการเล่นเกมส์ไพ่ชนิดนี้จะทำรายได้ให้ผู้เล่นเป็นจำนวนมากมายอย่างแน่นอนวันนี้ทาง biogaming จึงนำเทคนิคและสูตรของเกมส์มาฝากผู้เล่นกัน

เกมส์ไพ่ Three Card

การเล่นชนิดนี้ ปกติแล้วจะใช้ไพ่ ทั้งหมด 52 ใบ โดยเกมนี้ผู้เล่นแต่ละฝ่าย นั้นจะได้รับไพ่ จำนวนทั้งหมด 3 ใบ จะชนะเดิมพันจะต้องชนะเจ้ามือเท่านั้นและผู้เล่นแต่ละคน จะต้องทำการวางเงินเดิมพันแรกในจุด Ante และจะได้รับการจ่ายเงิน

ที่มาของเกมส์ไพ่ Three Card อีกชื่อ Poker

โป๊กเกอร์ (อังกฤษ: poker) เป็นเกมไพ่ที่มีผู้เล่นนิยมเล่นมากที่สุดอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากความไม่ซับซ้อน และประกอบกับการที่ต้องใช้ความคิดในการประกอบการตัดสินใจ ดังนั้นจึงเกิดอาชีพนักเล่นโป๊กเกอร์มืออาชีพขึ้นในหลายประเทศในโซนยุโรป และอเมริกา รวมทั้งมีการจัดการแข่งขันเวิลด์ซีรีส์ (อังกฤษ: WSOP) ซึ่งผู้ชนะจะได้รับรางวัลเป็นสร้อยข้อมือเวิลด์ซีรีส์ และเงินรางวัลกลับบ้านอย่างน้อย 1 ล้านเหรียญ

จึงสามารถกล่าวได้ว่าโป๊กเกอร์เป็นเกมที่อาศัยทั้งโชค ศาสตร์แห่งความน่าจะเป็น จิตวิทยา และความเชี่ยวชาญในการเล่นเพื่อที่จะได้กำไรในการเล่นก็ว่าได้ ในบทความนี้ ขอกำหนดคำย่อไว้ดังนี้ (เป็นคำย่อสากล ของผู้ที่ศึกษาและเล่นโป๊กเกอร์) A คือ Ace (เอซ) K คือ คิง Q คือ ควีน หรือ แหม่ม J คือ แจ๊ค T คือ สิบ และอันดับของไพ่ในโป๊กเกอร์จากมากไปหาน้อยจะเรียงได้จาก A K Q J T 10 9 8 7 6 5 4 3 2 โดย A สามารถแทนเลข 1 ได้เหมือนกัน

กติกาโปกเกอร์

  • โดยทั่วไปแล้ว กติกาโปกเกอร์ จะเล่นกันได้ทั้งหมด 5-8 คน โดยมี ดีลเลอร์ทำหน้าที่แจกไพ่
  • แต่ละคนจะได้ไพ่ คนละ 2 ใบแล้วมีไพ่กองกลางเปิดไว้ 3 ใบในรอบแรก เทียบกับ ไพ่ 2 ใบในมือ
  • ซึ่ง กติกาpoker มีให้เลือก 3 แบบคือ สู้ / ข้าม / หมอบ ขึ้นอยู่ว่าผู้เล่นจะต้องการ สู้หรือไม่ ?
  • ถ้าหากว่า ท่านเลือก สู้ ระบบจะเปิดไพ่กองกลาง อีก 2 ใบ
  • วัดผลจาก หน้าไพ่ที่ถืออยู่ กับ กองกลาง ใครหน้าไพ่ใหญ่ที่สุด ก็จะชนะ ได้เงินทั้งหมดจากกองกลาง

เรียงลำดับของแต้มไพ่

  1. Royal Flush = ใหญ่ที่สุดแล้วสำหรับ 3 card poker เกิดจาก ไพ่ เรียง 10-J-Q-K-A โดยที่ทุกใบจะต้องเป็นดอกเดียวกัน
  2. Straight Flush = ใหญ่รองลงมา เกิดจาก ไพ่ 10-J-Q-K-A แต่ไม่ต้องเป็นดอกเดียวกัน
  3. Four of a kind = ได้ไพ่เหมือนกัน 4 ใบ (สำหรับ 3 card poker จะไม่สามารถชนะรูปแบบนี้ได้เพราะในมือมีไพ่เพียง 3 ใบ)
  4. Full House = เป็นการถือไพ่ตอง และ ได้ไพ่อีก 1 คู่พร้อมกัน
  5. Flush = ได้ไพ่ที่มีดอกเดียวกันทั้ง 5 ใบ
  6. Straight = ไพ่เรียงกัน เช่น 2-3-4-5-6 ไม่จำเป็นต้องเป็นดอกเดียวกัน ไม่นับ 1-2-3-4-5
  7. Three of a kind = ได้ไพ่ตอง หน้าเดียวกันทั้ง 3 ใบ เช่น 3-3-3-1-J
  8. Two pair = ได้ไพ่คู่ 2 คือ ในมือมีไพ่คู่ แล้วในกอง มีไพ่ที่หน้าเหมือนที่เราถืออยู่ในมือ
  9. One pair = ได้ไพ่ 1 คู่ นับในมือ หรือ เหมือนกับใน กองกลาง ก็ได้ ความใหญ่ขึ้นอยู่ตามหน้าไพ่
  10. High card = นับแต้มในมือที่สูงที่สุด โดย 3 card poker ให้ A โพธิ์ดำ มีค่าสูงสุด ส่วน 2 ดอกจิกจะมีแต้มต่ำสุด

สูตรเล่นไพ่โป๊กเกอร์

  • เรามักได้ยินบ่อยๆว่าการเล่น โป๊กเกอร์แบบมีชั้นเชิงต้องบลัฟเก่ง แต่เราอยากให้เก็บเรื่องนี้ใส่ตู้เซฟแล้วโยนทิ้งลง แม่น้ำเจ้าพระยาไปเลย เพราะสำหรับมือใหม่หัดเล่น โป๊กเกอร์แล้วไม่มีอะไรดีไปกว่า การเลือกไพ่ที่ดีบนมือต่างหาก ซึ่งก็ต้อง วนกลับไปใหม่ที่ข้อ 1 แต่ถ้าอยากสนุกกับการบลัฟคู่แข่งแนะนำให้เล่นบ่อยๆและค่อยๆสร้างประสบการณ์ไปเรื่อยๆ แล้วเทคนิคการบลัฟจะเกิดขึ้นเองแบบไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำไป
  • พยายามเลือกตำแหน่งมือสุดท้ายของวงโป๊กเกอร์ เพราะตำแหน่งนี้ถือเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดที่สามารถส่งผลจากแพ้กลับเป็นชนะได้เลย เพราะการเป็นมือสุดท้ายจะทำให้เราสามารถประเมิน สถานการณ์ของไพ่บนมือคู่แข่งได้รัดกุมกว่าตำแหน่งอื่นๆ